ผู้ร่วมสร้างซีรีส์ The Last Of Us “Craig Mazin” และผู้อำนวยรายการ “Neil Druckmann” ได้เปิดเผยเบื้องหลังของซีรีส์ตอนที่ 1 ที่เพิ่งฉายจบไปนั้น มันได้เป็นการมัดรวมซีรีส์ตอนที่ 1 กับ 2 ไว้ด้วยกันในการฉายรอบปฐมทัศน์
เรื่องราวนี้ได้ถูกพูดถึงในรายการ Podcast อย่างเป็นทางการของซีรีส์ ได้ระบุว่าตอนที่ใช้ชื่อว่า "When You're Lost in the Darkness" มันควรจะถูกแบ่งออกเป็นสองตอน โดยตอนที่ 1 นั้นมันควรจบตรงที่ตัดภาพมาในช่วงอีก 20 ปีให้หลัง กับฉากที่ Joel กำลังเผาร่างเด็กที่ติดเชื้อ Cordyceps ในเขตกักกันของ FEDRA
Mazin ได้บอกว่า ผู้บริหาร HBO รวมถึงประธานและ CEO ของ HBO อย่าง “Casey Bloys” ได้แนะนำมาว่า การที่มีเด็กตายถึงสองคนในตอนเดียวนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นเพื่อให้คนดูกลับมาดูอีก แต่ถ้าให้เริ่มตอนต่อด้วยการเปิดตัวละคร Ellie ที่มีภูมิต้านทานเชื้อดีกว่า
ในตอนนี้ Mazin อธิบายเพิ่มว่า เรื่องราวทั้งหมดของ The Last of Us จะโฟกัสไปที่ Joel และ Ellie ล้วน ๆ ถ้าไม่เอา Ellie มาแซม ๆ ไว้ในตอนที่ 1 เราก็จะไม่เข้าใจในเรื่องการเดินทางของทั้งสอง และถ้ามีเด็กตายทุกท้ายตอน คนก็จะไม่กลับมาดูอีก การที่จับ Joel และ Ellie มาเจอกัน มันเป็นเหมือนการปูทางไปสู่งการเดินทางที่เห็นหัวใจสำคัญของ The Last of Us
นั่นจึงเป็นการนำเรื่องราวของตอนที่ 1 และ สอง มามัดรวมไว้ในตอนเดียว ทำให้ในตอนแรกที่ออกฉายนั้น มีความยาวถึง 85 นาที ในขณะที่ House of the Dragon, Euphoria และ The White Lotus จะอยู่ระหว่าง 51-66 นาทีโดยเฉลี่ย
ปกติแล้วซีรีส์ของ HBO ในหนึ่งซีซันจะมีทั้งหมด 10 ตอน เช่นเดียวกับ Game of Thrones และ House of the Dragon ที่เป็นภาคแยก แต่สำหรับ The Last of Us นั้น จะเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่จะมีเพียง 9 ตอนในหนึ่งซีซัน เพราะ 2 ตอนแรกได้ถูกเอาไปรวมกันเรียบร้อยแล้ว
เนื้อหาน่าสนใจที่เกี่ยวข้อง :
รู้จักเชื้อราต้นแบบ ของ“Cordyceps Brain Infection” เชื้อราสิงสมอง ก่อนดู The Last of Us
มองตอนจบด้วยหลักปรัชญา : การกระทำบนทางเลือกคู่ขนานของตัวละครใน The Last of Us
แหล่งที่มา
More from us
