
โลกนี้รู้จัก หยวนหวูปิง, ดอนนี่ เยน , เฉินหลง, หลี่เหลียนเจี๋ย, แชด สตาเฮลสกี หรือ เดวิด ลิตช์ ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือในทางออกแบบฉากต่อสู้ในหนัง แต่ยังไม่ค่อยมีใครคุ้นเคยกับ ทานิงากิ เคนจิ (Tanigaki Kenji) ผู้กำกับคิวบู๊เลือดญี่ปุ่น ผู้ยืนเคียงข้าง ดอนนี่ เยน มาตั้งแต่ยุค 90s คนนี้ ชีวิตเขาผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านคำดูแคลนสารพัด แม้กระทั่งจากปากของ เฉินหลง ที่เป็นไอดอลของเขาเอง

ทานิงากิ เคนจิ เกิดที่นะระ ใกล้เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เขารู้มาตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นอะไร เมื่อเขาได้ดู เฉินหลง ในหนัง Drunken Master ไอ้หนุ่มหมัดเมา (1978) ความฝันเขาก็ยิ่งชัดเจนว่าอยากเป็นดารานักบู๊ให้ได้แบบเฉินหลง เคนจิ เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกศิลปะการต่อสู้ Kurata Action School ของ ยาสึอากิ คุราตะ ดาราญี่ปุ่นผู้ก่อตั้ง Japan Action Club ร่วมกับ ซอนนี่ ชิบะ (สงป้า จาก ฟงอวิ๋น) ยาสึอากิ คุราตะ อาจารย์ของเขาที่คอหนังเคยเห็นในหนังจีน-ฮ่องกง มากมายคนนั้นนั่นเอง

เวลา 4 ปี เขาแตกฉานศิลปะการต่อสู้สไตล์ญี่ปุ่นแขนงต่างๆ เป็นคนที่มีพรสวรรค์บวกพรแสวงเต็มเปี่ยม ในวัย 18 ปี เขาเริ่มอาชีพการแสดงเป็นสตั๊นท์แมนในเกียวโต โดยส่วนใหญ่เป็นละครย้อนยุคของญี่ปุ่น หนังซามูไร หนังนินจาอะไรเหล่านี้ แต่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อความทะเยอทะยานของเขา เขายอมรับตามตรงว่าคิวบู๊ในหนังญี่ปุ่นนั้นอ่อนปวกเปียกเกินไป ไม่บ้าระห่ำแบบที่เฉินหลงทำในหนังฮ่องกง

แน่นอนว่าฮ่องกง คือดินแดนที่เขาต้องการลับคมตนเองให้ก้าวไปอีกขั้น ในปี 1993 เขาหอบเสื้อผ้าไปตายเอาดาบหน้าที่ฮ่องกง โดยที่เขาพูดภาษาจีนกวางตุ้งไม่ได้เลย หลังจากลงเครื่อง สามคำที่เขาพูดเลยทันทีคือ " หมังสีโสว " ถุย!

เขาให้สัมภาษณ์กับ South China Morning Post ว่าเขาเรียนภาษาจีนกวางตุ้งโดยการอ่านหมวดบันเทิงของหนังสือพิมพ์ภาษาจีนชื่อ Oriental Daily และอาศัยฟังคนเดินผ่านไปมาที่ร้าน McDonald's อันเป็นที่ที่ผู้คนใช้ภาษาจีนกวางตุ้งขั้นพื้นฐานในการสั่งอาหาร การทักทาย หรือแม้แต่คุยงาน

เขาทำแบบนั้นอยู่สักพัก จนได้ภาษาจีนกวางตุ้นขั้นพื้นฐานมาบ้าง โดยสี่คำที่เขาพูดได้คือ " กะหรี่อยู่หนาย..." เพราะเขาคิดถึงแกงกระหรี่ที่ญี่ปุ่น ถุย! ยังจะเล่นอีก จนวันหนึ่งเขาได้มีโอกาสได้งานเป็นเอ็กซ์ตร้าในขบวนพาเหรดของการถ่ายละครทีวีเรื่องหนึ่งในจิมซาจุ่ย และด้วยความที่เป็นคนกล้าวัดดวง เขาก็ได้งานประจำจากการเข้าไปตีสนิทและโชว์ความสามารถทางด้านสตั๊นท์แมน เขาก็ได้เป็นสมาชิกของ Hong Kong Stunt Association ทานิงากิ เคนจิ เป็นสมาชิกชาวญี่ปุ่นคนแรกของสมาคม และเป็นตัวประกอบที่ไม่ค่อยได้ใช้ความสามารถเชิงสตั๊นท์อะไรสักเท่าไหร่

แล้วเขาก็ได้เจอกับ เฉินหลง ไอดอลของเขาในกองถ่ายหนังเรื่องหนึ่ง เขาเป็นตัวประกอบเดินผ่าน แต่เข้าไปทักทายแล้วบอกความในใจให้เฉินหลงทราบว่าเขาอยากทำงานกับเฉินหลง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดไร้น้ำใจว่า "นายเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ? นายพูดภาษากวางตุ้งไม่ได้เลยนะ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกงมันน่ากลัว นายกลับไปหางานใหม่ในญี่ปุ่นดีกว่า "

แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาท้อแล้ว นั่นยิ่งทำให้เขาฮึดสู้ จนกระทั่งเขาได้เจอกับ ตุงเหว่ย สุดยอดผู้กำกับและนักออกแบบคิวบู๊ที่เคยทำงานดังๆมาแล้วอย่าง A Better Tomorrow โหดเลวดี หรือ ผีกัดอย่ากัดตอบ รวมถึงต่อมาก็เป็นผู้ร่วมออกแบบคิวบู๊ใน Hero ของ จางอี้โหมว ซึ่งในตอนที่เจอกับ เคนจิ ครั้งแรก ตุงเหว่ย ดำรงตำแหน่งรองประธานสมาคมสตั๊นท์แมนในฮ่องกง ตุงเหว่ย ให้กำลังใจเคนจิและมอบงานผู้ช่วยคิวบู๊หลาย ๆ เรื่องให้ทำ

นั่นทำให้เคนจิฮึดสู้อีกครั้งและตั้งใจเรียนรู้ภาษาจีนกวางตุ้งให้ดีที่สุด และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง เมื่อเขาได้โคจรมาเจอกับอาจารย์ ยาสึอากิ คุราตะ ของเขาอีกครั้ง อาจารย์แสดงเป็นเจ้าสำนักคาราเต้ใน ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า Fist of Legend ปี 1994 ของผู้กำกับ เฉินมู่เซิง (ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ) เคนจิจึงได้แสดงความสามารถในทางสตั๊นท์แมนอันโดดเด่น โดนตีน หลี่เหลียนเจี๋ย ไปหลายสเต็ป เพราะหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับคนจีนและคนญี่ปุ่นโดยตรง

ราว ๆ ปี 1994 เคนจิที่เริ่มมีงานในกองถ่ายมากขึ้น ได้โคจรมาเจอกับเฉินหลงอีกครั้งในกองถ่าย Drunken Master 2 ไอ้หนุ่มหมัดเมา ภาค 2 เฉินหลงจำเขาได้และทักทายเขาประมาณว่า “จริงดิ? คุณยังอยู่ที่นี่? ฮ่าฮ่าฮ่า ผมเคยบอกคุณให้กลับไปญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ แต่คุณยังตัดสินใจทำงานที่นี่อย่างโง่เขลา และตอนนี้คุณก็ประสบความสำเร็จแล้วด้วย!”

เฉินหลงยังให้ฉายาเขาว่า คนบ้าหนังแอ็คชั่นอันดับหนึ่ง อีกด้วย แต่เคนจิไม่ได้ถือสาอะไรไอดอลเขา เพราะอย่างน้อยคำดูแคลนของคนเก่ง ๆ ก็ทำให้เขามีวันนี้
หลังจากนั้นเคนจิก็วนเวียนในวงการหนังฮ่องกงในฐานะทั้งสตั๊นท์และผู้ช่วยออกแบบคิวบู๊
จนกระทั่งได้เจอกับ เจิ้นจื่อตัน หรือ ดอนนี่ เยน ในละครทีวี Fist of Fury (1995) ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง นั่นทำให้ต่อมาพวกเขาสาบานเป็นเพื่อนรักกัน ทว่าในเวลานั้น ดอนนี่ เยน เองก็ไม่ได้เป็นดาราแถวหน้าอะไรมาก เขาไป ๆ มา ๆระหว่าง อเมริกา-ฮ่องกง มีงานเล็กๆน้อย ๆ ก็ดึงเพื่อนไปร่วมด้วยช่วยกัน จนกระทั่ง ดอนนี่ เยน เปิดบริษัท Bullet Films ของตัวเอง จึงชักชวนเคนจิให้มาร่วมดูแล ออกแบบคิวบู๊ต่าง ๆ ในหนังที่เขาแสดง

ดอนนี่ เยน เริ่มกลับมาเป็นดาราบู๊แถวหน้า จากการวาดลวดลายในหนังฮอลลีวู้ดอย่าง Blade II ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังคือ ทานิงากิ เคนจิ คนนี้เองที่ร่วมออกแบบและร่วมแสดงบทเสี่ยงตายต่างๆในหนัง ทานิงากิ เคนจิ กับ ดอนนี่ เยน ร่วมหัวจมท้ายกันในหนังทุกๆเรื่องที่ ดอนนี่ เยน แสดง ในฐานะมือขวาที่ดอนนี่ไว้ใจมากที่สุด ในวันที่เคนจิ ภาษากวางตุ้งแข็งแรงแล้ว เขาพูดได้ทั้งสามภาษา รวมถึงภาษาอังกฤษด้วย จากการที่ไปรับงานแดนฮอลลีวู้ดกับ ดอนนี่ เยน เสมอ ทั้งนี้เขายังกลับไปออกแบบคิวบู๊ในหนังญี่ปุ่นบ้านเกิดตัวเองอีกด้วย จะเห็นได้ว่าคิวบู๊ในหนังญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่อง อัพเลเวลขึ้นมาก็เพราะ ทานิงากิ เคนจิ ผู้นี้นั่นเอง ที่โดดเด่นสุด ๆ เห็นจะเป็น Rurôni Kenshin ซามูไรพเนจร ทุก ๆ ภาคนั่นก็ฝีมือทำคิวบู๊ของเขาทั้งหมด เมื่อย้อนกลับไปคำพูดที่เขาบอกว่า คิวบู๊ในหนังญี่ปุ่นอ่อนปวกเปียก จนกระทั่งเขาเริ่มเข้ามาปฏิวัติมัน

ทานิงากิ เคนจิ มีงานกำกับหนังของตัวเองอยู่บ้าง นั่นคือหนังญี่ปุ่น Shinobi ทั้งสองภาค และหนังเกรดบี ที่ใช้ดารา AV อย่าง โซระ อาโออิ มาแสดงนำ ก่อนที่เขาจะกำกับหนัง Legend of Seven Monks เพื่อคารวะดาราอาวุโสผู้เป็นทั้งอาจารย์เขาอย่าง ยาสึอากิ คุราตะ กับสหาย ซอนนี่ ชิบะ
เขาโคจรมาเจอกับเฉินหลงอีกครั้งในกองถ่าย The Twins Effect คู่พายุฟัด ที่ ดอนนี่ เยน ร่วมแสดง/โปรดิวเซอร์ และอีกครั้งใน Shinjuku Incident ใหญ่แค้นเดือด ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับแก๊งคนจีนในญี่ปุ่น และไม่มีใครรู้จักญี่ปุ่นได้เท่าเคนจิอีกแล้ว และเคนจิคือผู้ร่วมออกแบบคิวบู๊ให้ไอดอลในอดีตของเขา เคนจิและเฉินหลงร่วมงานกันอย่างมืออาชีพ
เขาโคจรมาเจอกับ ตุงเหว่ย ผู้เคยให้กำลังใจเขาและมอบงานแรกๆให้เขาทำ พวกเขาเจอกันในกองถ่าย Bodyguards and Assassins ห้าพยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น และมอบงานให้ ตุงเหว่ย ทำแทนในหนัง Kung fu killer ปี 2014 เพราะเขาต้องไปทำหนังญี่ปุ่นอย่าง Rurôni Kenshin ซามูไรพเนจร และ ซีรี่ส์ Miyamoto Musashi

ด้วยความที่ ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง คือหนังที่เปลี่ยนชีวิตเคนจิมาหลายครั้งมาก เคนจิ และ ดอนนี่ เยน เพื่อนรักจึงร่วมกันเอาชีวิตของ เฉินเจิน ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง กลับมาอีกครั้งใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen (2010)
ปี 2018 ทานิงากิ เคนจิ คือคนญี่ปุ่นที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลม้าทองคำสาขาคิวบู๊ยอดเยี่ยมจากหนัง Detective Chinatown 2 และ Hidden Man เข้าชิงสองเรื่องในปีเดียวกัน สุดท้ายเขาคว้ารางวัลจากเรื่องหลังไป เขาเป็นคนญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รางวัลสาขานี้
ปี 2020 เขาร่วมกับ ดอนนี่ เยน ทำหนังแอ็คชั่นตลกฮ่องกง Enter the Fat Dragon เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังของ หงจินเป่า ปี 1978 โดยเรื่องนี้เคนจิลงมือกำกับเองโดยมี ดอนนี่ เยน แสดงนำ
ปี 2021 เคนจิ ร่วมกำกับคิวบู๊ในหนัง Raging Fire ของผู้กำกับ เฉินมู่เซิง
ผู้เคยให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองใน ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า Fist of Legend ปี 1994 โดยมี ดอนนี่ เยน นำแสดงกับ เซี๊ยะถิงฟง ซึ่งเรื่องนี้คือหนังเรื่องสุดท้ายของ เฉินมู่เซิง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตด้วยมะเร็งโพรงจมูก ถือเป็นการหวนกลับมาเจอกันที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน ทานิงากิ เคนจิ อาศัยอยู่ญี่ปุ่นบ้านเกิด เขามีงานล้นมือ ทั้งออกแบบคิวบู๊ในหนังทั้ง ญี่ปุ่น หนังจีน หนังฮ่องกง และหนังฮอลลีวู้ด ล่าสุดคือ Snake Eyes: G.I. Joe รวมถึงออกแบบท่าต่อสู้ในวีดิโอเกมอีกด้วย เช่น เกมสามก๊ก Dynasty Warriors เขายังคงเป็นสหายรักของ ดอนนี่ เยน และทำงานร่วมกันในหนังทุกๆเรื่องที่ ดอนนี่ เยน แสดง
ลองคิดดูว่าถ้า ทานิงากิ เคนจิ ใจเสาะเพราะแค่คำพูดไม่ค่อยดีของเฉินหลงในวันนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น ?