สมบัติตระกูล “Shin” การตีความใหม่ ที่ต่อลมหายใจให้ตำนาน

จักรวาล Shin ถือเป็นการนำแฟรนไชส์ระดับ Iconic ของวงการอนิเมะและ Tokusatsu มานำเสนอในรูปแบบที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ผ่านมุมมองของ “Anno Hideaki” ผู้กำกับอนิเมะและภาพยนตร์ที่ขึ้นชื่อในการสื่อสารกับคนดูด้วยแนวคิดแบบ Postmodernism

เมื่อเทียบกับผลงานต้นฉบับกับภาพยนตร์ตระกูล Shin แล้ว ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่ามัน “แตกต่าง” จากภาพในความทรงจำอย่างสิ้นเชิง และครั้งนี้ The E Wold จะพามาดูแนวคิดการตีความใหม่ของจักรวาล “Shin Japan Heroes Universe” ที่ทำให้แฟรนไชส์ระดับตำนาน สามารถต่อลมหายใจต่อไปได้ในโลกยุคใหม่

---

รู้จักกับจักรวาล Shin

“Shin Japan Heroes Universe” เป็นโปรเจกต์ความร่วมมือระหว่าง 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Toho, Khara (Color), Tsuburaya และ Toei โดยมี “Anno Hideaki” ผู้กำกับและมือเขียนบท ที่ให้กำเนิดผลงานตระกูล Shin นับตั้งแต่ Shin Godzilla จากปี 2016, Shin Evangelion ของปี 2007-2021, Shin Ultraman ปี 2022 และ Shin Kamen Rider ที่เข้าฉายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2023 นี้

โดยคำว่า Shin (ชิน) ที่นำหน้าชื่อนั้น ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง สิ่งใหม่, สิ่งที่แท้จริง หรือ พระเจ้า และการที่ Anno Hideaki ใช้คำว่า Shin นำหน้าไตเติ้ลของหนัง นั่นหมายถึงการสื่อว่านี่เป็นหนังฉบับตีความใหม่ เพิ่มความสมจริง ซึ่งจะมีองค์ประกอบที่จะแตกต่างจากซีรีส์ต้นฉบับ

การตีความแบบ Shin

บรรดาหนังตระกูล Shin ของ Anno Hideaki นั้น จะมีการตีความที่แตกต่างจากตัวต้นฉบับ ซึ่งเรียกได้ว่าไม่คุ้นหูคุ้นตาแฟนดังเดิมเอามาก ๆ ทั้งการนำเสนอ, เส้นเรื่อง, การสื่อความหมาย และแนวคิดที่แฝงอยู่ข้างใน ถึงแม้จะเป็นคนละเรื่องกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือโทนการนำเสนอที่จริงจัง และดูมีความเป็นมนุษย์สูงมาก

เช่นใน “Shin Godzilla” ที่เน้นการนำเสนอความน่ากลัวของธรรมชาติ ที่ต้องการลงโทษมนุษย์ ซึ่งจะเข้มข้นกว่าต้นฉบับ และสอดแทรกองค์ประกอบความเป็นหนังการเมืองเข้าไป ด้วยการนำเสนอสิ่งที่ฝ่ายบริหารได้ทำเพื่อรับมือกับภัยอันตรายที่ไม่เจอมาก่อน แสดงข้อผิดพลาดและการปรับตัวเพื่อรับมือ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเหมือนโฆษณาชวนเชื่อกันไปบ้าง…

แต่สิ่งที่สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างเต็มที่ คือบทบาทของ Godzilla ที่เป็นตัวแทนของภัยพิบัติจากธรรมชาติ และปัญหาที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ ในรูปแบบของ “พระเจ้า” มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่น่าสยดสยอง เป็นตัวแทนความเจ็บปวดและทรมานจากภัยกัมมันตรังสี ซึ่งมันเป็นพื้นเพดังเดิมของ Godzilla ภาคแรกสุด

ทางฝั่งของ “Shin Evangelion” นั้น ถือว่าเป็นของคุ้นเคยของ Anno มาแต่ไหนแต่ไร เพราะเขาคนนี้นี่แหละ ที่กำกับ “Neon Genesis Evangelion” ฉบับอนิเมะซีรีส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้าใจยาก ขนาดคนที่ดูมาจนครบยังอธิบายไม่เหมือนกัน…

โดย Shin Evagelion นั้นจะใช้ชื่อภาคว่า “3.0+1.0 Thrice Upon a Time” เป็นภาคสุดท้ายของหนังตระกูล “Rebuild of Evagelion” จักรวาลคู่ขนานของผลงานต้นฉบับ ซึ่งจะเน้นประเด็นที่เป็นนามธรรมมากขึ้น และขมวดทุกอย่างในซีรีส์นี้ให้จบอย่างสมบูรณ์ หลังแฟน ๆ รอตอนจบของเรื่องนี้มานานถึง 25 ปี

และที่ดูจะแหวกจากต้นฉบับไม่แพ้กัน ก็คือ “Shin Ultraman” ซึ่งภาคนี้ Anno ไม่ได้กำกับก็จริง แต่ก็ถอยมาอยู่ในส่วนของคนเขียนบทและอำนวยการสร้าง รวมทั้งเรื่องที่ติดงานสร้างหนังอีกเรื่องอยู่ ก็เลยตัดสินใจส่งต่อหน้าที่ให้กับ “Shinji Higuchi” ที่เคยร่วมกำกับ Shin Godzilla ในฐานะคนที่ถ่ายทอดมุมมองของ Anno ได้ดีที่สุด… โดยในหนังเรื่องนี้จะเป็นการพลิกเอาความเป็นซีรีส์ฮีโร่พิทักษ์โลก ให้ความจริงจังและเป็นมนุษย์มากขึ้น ทั้งความหวาดระแวงต่อสิ่งที่ไม่รู้จัก, มุมมองของสิ่งชีวิตที่เหนือกว่าต่อมนุษย์ และการเพิ่มบทบาทของตัวละครฝั่งมนุษย์ให้มีเรื่องราวของตัวเอง…

ด้วยประเด็นความหวาดระแวงต่อส้งที่ไม่รู้จัก นั่นทำให้ Ultraman ในสายตาของชาวโลก เป็นเหมือนผู้มาเยือนที่ไม่ทราบเจตนาไปกลาย ๆ ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อไคจูที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่ แม้ตัวของ Ultraman จะรักมนุษย์มากขนาดไหนก็ตาม จนเกิดเป็นคำถามที่ว่า “ความรักของ Ultraman มันคู่ควรกับมนุษย์หรือไม่?”

นอกจากนี้ โทนเรื่องของ Shin Ultraman ยังเบาลงจาก Shin Godzilla ไปพอสมควร ด้วยการลดความเป็นหนังการเมือง และเพิ่มมุกตลกลงไป… และที่แปลกใหม่ที่สุด คือมุมกล้องที่แหวกแนวและตระการตา ทำให้สื่อสารความล้ำของหนังได้เป็นอย่างดี

ตีความใหม่ คือการต่อลมหายใจ

แม้จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ กับการนำแฟรนไชส์ระดับ Iconic มาตีความใหม่ในมุมมองที่แตกต่าง เป็นสิ่งที่ทำให้แฟรนไชส์นั้น ๆ ยังไม่ตายจากไปตามกาลเวลา

จริงอยู่ที่ว่า Setting เดิม ๆ นั้นมันก็ยอดเยี่ยมในตัวเองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องจำก็คือ ความยอดเยี่ยมนั้น ถูกสื่อสารออกมาผ่านเลนส์ในยุคเก่า ซึ่งอาจจะมีบางอย่างดูไม่สมเหตุสมผล และไม่ได้มีการอธิบายบางอย่างชัดเจน เช่นในซีรีส์ “Ultraman Taro” ตอนแรก ที่สมัยเด็กผู้เขียนไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอโตขึ้นมาก็รู้สึกขัดใจขึ้นมาว่า “โคทาโร่” พระเอกของเรื่องจะวิ่งเข้าไปบวกกับสัตว์ประหลาดตัวเปล่าเพื่ออะไร?

การ “ตีความใหม่” นั้น จะช่วยให้องค์ประกอบต่าง ๆ ของเรื่องราวและการกระทำดูสมเหตุสมผล และมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น และมันก็รวมถึงการหาคำอธิบายของสิ่งต่าง ๆ ไปในตัวด้วย เช่นการตอบโต้ในเหตุการณ์ต่าง ๆ, ที่มาที่ไป, หรือการแสดงท่าทีต่อสิ่งที่ไม่รู้จักอย่างสมเหตุผล

แต่อย่างไรก็ดี การตีความใหม่ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเสมอไป… เพราะการตีความใหม่ตามใจชอบ หรือทำให้มันฉีกมากต้นฉบับมากเกินไป ก็จะเป็นการทำให้เรื่องราวหลุดไปจากบริบทที่ควรจะเป็น และยังทำให้แฟนดังเดิมของแฟรนไชส์นั้น ๆ มองว่าผลงานนั้น ๆ ไม่เคารพต่อต้นฉบับด้วย นั่นทำให้การ “ตีความใหม่” นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ใครทำแล้วจะรุ่งไปซะหมด

Shin Kamen Rider อีกตำนานคืนชีพที่ควรไปสัมผัส

สำหรับหนังตระกูล Shin เรื่องล่าสุดที่กำลังมาอย่าง “Shin Kamen Rider” นอกจากจะเป็นการนำเรื่องราวของฮีโร่ระดับตำนานกลับมาตีความใหม่ในแบบของ Anno Hideaki แล้ว ยังเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 50 ปีของ Kamen Rider

ไม่ใช่แค่การนำ Kamen Rider มาสร้างด้วยเทคนิคพิเศษยุคใหม่เท่านั้น ยังเป็นการผสานองค์ประกอบดั้งเดิมที่อยู่ในความทรงจำแฟน ๆ เพื่อให้ตัวภาพยนตร์มีความเคารถต่อต้นฉบับมากที่สุด พร้อมทั้งขยายความบริบทต่าง ๆ ให้ชัดเจนกว่าที่เคย จึงกลายเป็นภาพยนตร์ตระกูล Shin อีกเรื่องที่แฟน ๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ในส่วนที่เหลือนี้ จะไม่กล่าวถึงไปมากกว่านี้ แต่จะขอเชิญให้แฟน ๆ ทั้งเก่าและใหม่ เข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในโรงภาพยนตร์ กับ Shin Kamen Rider จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ 24 พฤษภาคม 2023 นี้

เนื้อหาน่าสนใจที่เกี่ยวข้อง

5 รถแรง ขวัญใจแฟน “The Fast”
David Fincher ชายผู้ห้าม Robert Downey Jr. ไปฉี่
“ก้าวไกล แก่นนรสิงห์” นักสู้ผู้แจ้งเกิดจากการปราบยักษ์

แหล่งที่มา

https://wikizilla.org/wiki/Shin_series
https://en.wikipedia.org/wiki/Rebuild_of_Evangelion
https://wikizilla.org/wiki/Godzilla_(Shin_Godzilla)
https://www.youtube.com/watch?v=RobTQ13o8Nc
https://en.wikipedia.org/wiki/Shin_Kamen_Rider_(film)

More from us