รู้จักสื่อบันเทิงของ ISIS ที่โปรดักชั่นทัดเทียมระดับโลก!

โดย
Pongsorn Bhumiwat Pongsorn Bhumiwat
เขียนเมื่อ 2 min read
รู้จักสื่อบันเทิงของ ISIS ที่โปรดักชั่นทัดเทียมระดับโลก!


หากท่านติดตามข่าวต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ ท่านจะทราบว่ามีช่วงหนึ่งที่มีกลุ่มก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนากลุ่มหนึ่งออกอาละวาดครั้งใหญ่ในแถบตะวันออกกลาง

...มีคลิปตัดหัวคนประหารออกสื่อ

...มีการจับเกย์โยนลงจากดาดฟ้าตึก

...มีการจับเชลยหญิงมาเป็นทาสกาม และจับเด็กทารกล้างสมองมาเป็นทหาร

กลุ่มนี้คือ ISIS (Islamic State of Iraq and Syria) ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ชาวโลกมองกันว่าหัวรุนแรงยิ่งกว่าอัลกออิดะห์หรืออัลเคดา และในยุคหนึ่งสามารถชิงบัลลังก์ลูกพี่ใหญ่ของโลกก่อการร้ายมาได้นั่นเอง!

และถึงแม้ว่าหลักศาสนาอิสลามจะขึ้นชื่อในเรื่องความประพฤติที่เคร่งครัด จนมีการจำกัดสิ่งบันเทิงในหลายด้าน แต่ในบทความนี้จะขอพาทุกท่านมารู้จักกับ สื่อบันเทิงของ ISIS” ที่ถูกวิจารณ์ว่ามีคุณภาพไม่แพ้สื่อหลัก ๆ ของโลก เช่น เนชั่นแนลจีโอกราฟิกเลยทีเดียว

ว่าแต่ทำไม  ISIS ถึงต้องพึ่งพาสื่อบันเทิงเหล่านี้? เท่าที่ผมรวบรวมมาก็พบว่า ISIS พยายามใช้สื่อของตนสื่อสารกับชาวโลกและสาวกของตนเองโดยมีจุดประสงค์หลักๆ 3 ประการ ได้แก่:

1. เพื่อโฆษณาชวนเชื่อกับคนนอกกลุ่ม ด้านหนึ่งเพื่อเชิญชวนสมาชิกใหม่มาเข้าร่วม และอีกด้านหนึ่งเพื่อข่มขวัญหวังให้ศัตรูยอมศิโรราบ

2. เพื่อเป็นการสื่อสารกับสาวกของตนเอง ระบุอุดมการณ์เป้าหมาย และแนวทางปฏิบัติให้ทราบ เพื่อบำรุงขวัญ และ

3. เพื่อความบันเทิงนั่นแหละ!

สื่อเพื่อโฆษณาชวนเชื่อกับคนนอกกลุ่ม

เมื่อพิจารณาถึงเจตนาข้อแรกนี้ หลายท่านอาจไม่ทราบมาก่อนว่า มีอาสาสมัครฝรั่งจากประเทศเจริญแล้วเดินทางไปร่วมรบให้กับ ISIS หลายคน ซึ่งอาจมีถึงหลักหลายหมื่นคนเลยทีเดียว ...แปลว่าความสำเร็จของสื่อโฆษณาชวนเชื่อ ISIS ที่ชวนให้คนทิ้งบ้านทิ้งชีวิตไปหานั้นจะต้องมีพลานุภาพมหาศาลทีเดียว

สื่อโฆษณาชวนเชื่อของ ISIS นั้น ด้านหนึ่งจูงใจบอกว่านักรบต่างชาติที่มาร่วมรบที่ตะวันออกกลางจะมีความเป็นอยู่ที่หรูหรา โดยในเรื่อง Five-Star Jihad (ญิฮัดห้าดาว) ได้เล่าว่านักรบเหล่านี้จะมีแมนชั่น สระว่ายน้ำ กับรถเอสยูวี

คำว่า “Five-Star Jihad” เป็นคำที่นักรบต่างชาติหลายคนใช้อธิบายว่าตัวเองสนุกและตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมต่อสู้ ไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนประเทศที่ตัวเองจากมา นี่เป็นสิ่งที่มีนักวิชาการเรียกว่าวัฒนธรรมแบบ “ญิฮัดเจ๋ง” (jihadi-cool subculture) ซึ่งได้ชักจูงคนหนุ่มสาวจำนวนมากให้มาเข้าร่วมด้วย

https://i.dailymail.co.uk/i/pix/2015/03/18/26C06C3C00000578-0-image-a-2_1426641091909.jpg
“Five-star Jihad” มาที่นี่แล้วมีรถหรู มีปืนด้วย (รูปตำรวจหญิงของ ISIS)


หากจะกล่าวให้เจาะจง “Five-Star Jihad” มีความหมายครอบคลุมถึงบ้านพักฟรี ระบบสาธารณสุข ระบบโรงเรียน การดูแลเด็กกำพร้า รวมถึงโอกาสที่บรรดาผู้ชายที่มีเมียแล้วหรือไม่ก็ตามจะได้ทาสกามหรือเมียเชลยด้วย! (ใช่ครับ การจับคนมาเป็นทาสนี้กลับเป็นสิ่งที่จูงใจพวกเขายิ่ง!)  

ชาวเยอรมัน 2 คนทีเคยไปเข้าร่วมกับ ISIS เปิดเผยว่ามี “นักเทศน์” คนหนึ่งจูงใจพวกเขาบอกว่าถ้าไปร่วมรบด้วยจะมีรถสปอร์ตและจะมีเมียกี่คนก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกกลับบ้านเกิดเมื่อใดก็ได้ที่ตนต้องการ

…แต่สุดท้ายทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่คำโกหก…

ภาพยนตร์ที่ขึ้นชื่ออีกเรื่องหนึ่งของ ISIS คือภาพยนตร์กึ่งๆ สารคดี Flames of War (เพลิงสงคราม) ซึ่งมี 2 ตอน คือ Fighting Has Just Begun (การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้น) กับ Until the Final Hour (จนถึงวาระสุดท้าย)

จากที่มีผู้วิจัยออกมา พบว่าภาพยนตร์ทั้ง 2 ตอนมีการเลือกใช้ธีม 3 ธีม ประกอบด้วยธีมการเมือง ศาสนาและจิตวิทยา

สำหรับด้านการเมือง ในภาพยนตร์ตอนแรกมีตอนหนึ่งที่เป็นรูปนักรบ ISIS โจมตียานเกราะของสหรัฐ แล้วมีผู้บรรยายบอกว่า “โอบามาถูกบีบให้รับมือต่อ ISIS ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว” และอีกตอนหนึ่งเป็นรูปรถถังของ ISIS ขณะกำลังบุกอิรัก พร้อมกับสุนทรพจน์ว่า “ความน่ากลัวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ...ถ้าแกไม่ยอมกลับไป งั้นเราจะมาจากทุกมุมโลกเพื่อต่อสู้กับพวกแก”

...นี่คือการประกาศศักดา บอกว่ามหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกยังต้องส่งทหารมาต่อสู้ รวมทั้งบอกอีกด้วยว่าจะมีคนจำนวนมากจากพื้นที่ต่างๆ ของโลกพร้อมเข้าร่วมกับ ISIS และนำการต่อสู้ไปยังประเทศตะวันตกซึ่งเป็นศัตรู (หมายความว่าพร้อมลงมือก่อการร้ายนั่นเอง)

ก่อนที่ในตอนที่สอง ซึ่งออกมาในช่วงที่ ISIS ถูกชิงพื้นที่คืนกลับไปมากแล้ว โทนของสื่อจะออกมาในแง่ที่คอยย้ำผู้สวามิภักดิ์ให้อดทนรับกำลังของข้าศึก และบอกว่าชัยชนะจะมาถึง

https://lh3.googleusercontent.com/IwBw-OnG1lAC0ffN2d8Kvdde6BMB_fOxbJzLGbtIGvaWX0cTy7-TTE_7NlA4yuLdFOkjbxSiGpPg9yg0jYFU-jpPyQfWxlpknPQUsfG599RJ9inaqpKgWoexksgracz7QAvri2XXdnk1gIixF9vxeQlv8cfe4BRLesjwl9cq0iDKRsAcV5eJfFd9mfQCEKJXE69bYngV-A
ภาพไตเติล Flames of War 2


…นั่นนับเป็นการส่งสัญญาณว่า ISIS ยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ และจะเปลี่ยนจากการเปิดหน้าทำสงครามตรงๆ เป็นสงครามกองโจรในพื้นที่ที่ยังควบคุมอยู่ และพวกที่อยู่ส่วนอื่นๆ ของโลกจะเข้าสู่ระบบ "sleeper cell" (หรือแฝงตัวก่อการ) เพื่อหาจังหวะลงมือก่อการร้ายต่อไป

แต่สิ่งที่ปรากฏในทั้งสองตอน คือ “การทรยศ” เพื่อสื่อสารว่ารัฐบาลชาติต่างๆ ล้วนทอดทิ้งทหารให้ตายในแนวหน้า โดยโชว์คลิปทหารซีเรียที่กำลังขุดหลุมศพตัวเอง แล้วพูดว่า “ฉันรับราชการในกองทัพซีเรีย 12 ปี และตอนสุดท้ายพวกเขาก็ไม่ยอมแม้แต่จะแลกรองเท้าฟองน้ำกับชีวิตฉัน”

...นั่นคือการสื่อว่าพวกศัตรูของ ISIS จะต้องเผชิญกับการถูกทอดทิ้งและการถูกประหารชีวิตแบบไร้ค่า ดังนั้นถ้ายังรักตัวกลัวตายก็ยอมสวามิภักดิ์ด้วยเสียดีๆ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ไม่ได้สื่อออกมาตรงๆ ในภาพยนตร์ทั้งสองภาค แต่จากการใช้ภาษาอังกฤษ, ใช้ รูปนักรบต่างชาติ และการทำโฆษณาแบบฮอลลีวูด มันก็เป็นการสื่อว่าภาพยนตร์เหล่านี้ต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายในชาติตะวันตก และต้องการสื่อว่าการต่อสู้ของ ISIS เป็นสิ่งสากล (เทียบกับกลุ่มอัลเคดาที่เน้นสื่อสารกับกลุ่มมุสลิมหรือผู้ใช้ภาษาอาหรับมากกว่า)

ไม่รวมถึงแนวทางการใช้สื่อของ ISIS ในทางอื่นซึ่งมีการใช้สื่อตะวันตกอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเอาซีนจากภาพยนตร์อย่างเรื่อง Saw, The Matrix, American Sniper และ V for Vendetta หรือวิดีโอเกมอย่าง Call of Duty, GTA, Mortal Combat X และGrand Teft Auto นับเป็นการสื่อสารที่ใช้เทรนด์ปัจจุบันอย่างมาก อารมณ์เดียวกับนักการตลาดสมัยใหม่

นิตยสารดาบิกของ ISIS ดูแล้วก็สูสีนิตยสารฝั่งตะวันตก

นอกจากนี้สื่อสิ่งพิมพ์ของ ISIS ก็มีความทันสมัย ชื่อว่านิตยสารดาบิก (Dabiq) เป็นนิตยสารออนไลน์ของกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงคนนอกมาเข้าร่วมโดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งที่ต้องชมสำหรับนิตยสารนี้คือคุณภาพการผลิตที่ไม่แพ้เนชั่นแนลจีโอกราฟิก นั่นแปลว่าแม้แต่ผู้ก่อการร้ายก็ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่ถือว่าเป็นสมรภูมิอันดุเดือดอีกด้านหนึ่งนั่นเอง

สิ่งเหล่านี้คือความชาญฉลาดของ ISIS ในการส่งสารไปให้แก่ผู้ชมทั่วโลก และถึงแม้ว่าชาวต่างชาติที่เข้าร่วมกับ ISIS จะมีเหตุผลที่หลากหลาย แต่ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นทำให้เกิดการตัดสินใจเหล่านี้ด้วยไม่มากก็น้อย

การสื่อสารของ ISIS ดำเนินไปอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งมีการแบนสื่อกระบอกเสียงของ ISIS ทางสื่อโซเชียลต่างๆ แต่กว่าจะขยับตัวกันได้ก็หลังจากคนหลายหมื่นก็เดินทางเข้าร่วมกับ ISIS เสียแล้ว...



สื่อเพื่อสื่อสารกับคนของตนเอง

ต่อไปเราลองมาดูเจตนาข้อที่สองของ ISIS ในการทำสื่อ นั่นคือ “เพื่อสื่อสารกับสาวกของตนเอง” ซึ่งเท่าที่ผมทราบมากลุ่ม ISIS จะมีการนำเสนอสื่อเพื่อประกาศอุดมการณ์และแนวทางปฏิบัติของ “รัฐอิสลาม” ที่พวกเขากำลังสร้างขึ้น

ก่อนอื่นต้องเท้าความไปถึงอดีตเล็กน้อยว่า ในสมัยแรกๆ นั้นชาวมุสลิมเคยอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกันมาก่อน ปกครองด้วยผู้ปกครองเรียกว่า “กาหลิบ” ซึ่งเป็นเสมือนผู้นำของมุสลิมทั่วโลก ตอนนั้นพวกสามารถตีชิงดินแดนได้กว้างขวางในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ไปไกลถึงสเปนทางตะวันตก และอินเดียทางตะวันออก แต่อยู่มาได้ระยะหนึ่งจึงเกิดแตกแยกกับเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย

...ดังนั้นความใฝ่ฝันของมุสลิมส่วนหนึ่งคืออยากเห็นมุสลิมทั่วโลกกลับมารวมกันแบบสมัยนั้นอีกครั้ง ปกครองโดยกาหลิบดังเดิม (ซึ่งแน่นอน อะบู บักร์ อัลบักดาดี อดีตหัวหน้ากลุ่ม ISIS ก็ตั้งตนเป็นกาหลิบเช่นกัน)

เพื่อสื่อสารกับคนที่อินกับรัฐกาหลิบของตน ISIS ได้สร้างสื่อขึ้นมากมาย มีเรื่องที่ผมคิดว่าควรนำมาเสนอทุกท่านคือ ISIS ต้องการนำเหรียญทองแบบเดียวกับสมัยอดีตกาลกลับมาใช้!

ในวิดีโอชื่อว่า "Dark Rise of Banknotes and The Return of the Gold Dinar." (การเติบโตอย่างมืดมนของธนบัตร และการกลับคืนสู่ดีนาร์ทอง, ดีนาร์แปลว่าเงินตรา) ISIS โจมตีว่าเงินธนบัตรเป็นแค่เศษกระดาษไม่มีค่า จำเป็นต้องใช้โลหะที่มีคุณค่าในตัวเองอย่างทองคำแท้เท่านั้น!

พวก ISIS ยังโจมตีแนวคิดธนบัตรและธนาคารว่าเป็นระบบการเงินที่ทำให้คนเป็นทาสที่เกิดมาจากธนาคารกลางอเมริกา

จริงๆ มีเหตุผลค้านการกลับไปใช้โลหะมีค่าแทนเงินกระดาษมีอยู่มากมาย แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสาเหตุที่ ISIS เลือกใช้ทองคำเป็นเพราะต้องการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรจากนานาชาติมากกว่า โดยทองคำสามารถใช้ซื้ออาวุธและเครื่องมือต่างๆ ได้ซึ่งต่างจากเงินสกุลต่างๆ ที่มีการตรวจสอบติดตามเข้มงวดมากกว่านั่นเอง


สื่อเพื่อความบันเทิง

และสื่อของ ISIS เพื่อความบันเทิงซึ่งผมจัดเป็นกลุ่มที่ 3 นั้นก็มีด้วยเหมือนกัน แต่เนื่องจาก ISIS ได้ยุติสื่อบันเทิงอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นของนอกศาสนาไป พวกเขาจึงพยายามให้ผู้คนในปกครองนั้นมีความปกครองโดย

1. สื่อที่แสดงการต่อสู้ดุเดือด เอาใจคอบู๊

2. ฉากที่ถ่ายทอดความโหดร้าย เพื่อตอบสนองความซาดิสม์

กลุ่มที่เป็นฉากบู๊ประกอบเพลงมันๆ นั้นพวก ISIS จะถ่ายคลิปฉากสู้รบในสงครามสวยๆ เหมือนกับภาพยนตร์สงคราม แล้วมาผ่านขั้นตอนการถ่ายทำคล้ายกับสารคดีฝั่งตะวันตกทีเดียว อารมณ์ผู้ชมคงเหมือนได้ดูภาพยนตร์อย่าง 1917 หรือภาพยนตร์ทีกำกับโดยไมเคิล เบย์ชนิดระเบิดภูเขาเผากระท่อมนั่นเอง

ISIS Bulldozer จับคนมาตัดหัวในที่สาธารณะ แล้วมีการทำเป็นคลิป

นักบินจอร์แดนที่ถูกนำมาจับเผาทั้งเป็น (อันนี้เป็นภาพก่อนที่ไฟจะคลอกทั้งตัว)

ส่วนกลุ่มที่เป็นการถ่ายทอดความโหดร้าย ก็เช่น คลิปที่เผาเชลยนักบินชาวจอร์แดน คลิปเอาคนมาประหารชีวิตในที่สาธารณะโดยเพชฌฆาตที่ขึ้นชื่ออย่าง ISIS bulldozer ตัวใหญ่น่ากลัว หรือคลิปที่จับเกย์โยนลงจากดาดฟ้าตึกให้ตาย

แม้ดูเผินๆ คลิปพวกนี้จะไม่น่าอภิรมย์สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ถ้ามองจากแง่มุมของสาวก ISIS คนที่ได้รับชมก็คงเหมือนกับดูละครประเภทที่ธรรมะชนะอธรรม คนชั่ว (ในมุมเขา) จะต้องถูกลงโทษอย่างสาสมกับความผิดที่ทำลงไป มีการวิเคราะห์ว่าเป็นสร้าง “ความบันเทิง” ให้แก่คนที่อินด้วยเหมือนกัน

...จะเห็นได้ว่าความน่าสะพรึงกลัวของ ISIS ที่เหนือกว่าอัลเคดาอย่างหนึ่งก็เพราะรู้จักสื่อสารนี่เอง และด้วยเหตุนี้บทความนี้จึงได้นำเสนอบทวิเคราะห์สื่อของ ISIS เพื่อให้เห็นถึงกระบวนการคิดและรูปแบบปฏิบัติการจิตวิทยาของกลุ่มก่อการร้ายก้องโลกกลุ่มนี้นั่นเองครับ

สำหรับบทความเรื่องถัดไปจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ติดตามต่อได้ที่นี่ที่เดิมนะครับ

::: อ้างอิง :::

https://works.swarthmore.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1004&context=swarthmoreirjournal

https://cco.ndu.edu/BCWWO/Article/980822/9-isil-and-the-goal-of-organizational-survival/

https://www.lowyinstitute.org/publications/islamic-state-propaganda-mainstream-media

https://hcommons.org/deposits/objects/hc:39556/datastreams/CONTENT/content

https://bibliotekanauki.pl/articles/576339.pdf

https://money.cnn.com/2015/12/04/news/world/isis-gold/index.html?fbclid=IwAR0gKIfqE5JizRzF65m0cH7iuhqHUU-iiTihQASzA8XbLzxwPEpp73v1Dxg


More from us

สวัสดีครับ ผมชื่อ พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์ เป็นคนเขียนงานสารคดีชุด The Wild Chronicles ซึ่งจะพูดถึงเกร็ดประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ และการท่องเที่ยวไปในสถานที่แปลกๆ มาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
รักหมารักแมวรักการเล่นเกม!