
ถึงในช่วงหลัง ๆ Capcom จะเริ่มการกลับมาหากินกับเกมดังแฟรนไชส์เรือธงเก่าอย่าง Resident Evil ทั้งการ Remake และสานต่อเรื่องราวในภาคใหม่ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่ามันเวิร์คมาก โดยเฉพาะแนวทางการออกแบบระบบและเรื่องราวใหม่ ทำให้ Resident Evil กลับมาทวงตำแหน่งเกมดาวรุ่งในยุค Next-Gen

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีแฟน ๆ หลายคน กำลังเฝ้ารอการกลับมาของอีกแฟรนไชส์ดัง ซึ่งตีคู่กันมาอย่าง Dino Crisis เกมที่ 2 ภาคแรกทั้งปั๊วะทั้งปัง แต่ภาคหลัง ๆ กลับเงียบสนิท แม้ซีรีส์ Resident Evil จะช่วยพิสูจน์แล้วว่าถ้าเอากลับมาทำให้ดี ๆ มันก็ยังขายได้ แต่ผ่านมาเป็นปีก็ไม่มีข่าวคราวสักที แถม Capcom ก็หลอกให้ดีใจเล่นด้วยการส่งเกมที่ดูคล้ายกันมาอย่าง Exoprimal มาให้แทนซะอย่างงั้น
ครั้งนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับอีกแฟรนไชส์ในตำนานของแฟน ๆ รุ่นเก๋า ที่ไม่รู้ว่าไปทำกันท่าไหนถึงได้จบเห่ และเพราะอะไรถึงไม่ยอมเข็นภาคต่อหรือคืนชีพภาคดั้งเดิมมาขายตามเพื่อนร่วมรุ่นสักที
| เปิดตำนาน Dino Crisis

Dino Crisis เป็นเกมแนว Survival-Horror จาก Capcom Production Studio 4 วางขายครั้งแรกในปี 1999 สำหรับเครื่อง PlayStation ตัวเกมจะมีระบบการเล่นคล้ายกับ Resident Evil แทบจะถอดมาจากเบ้าเดียวกัน ทั้งในเรื่องมุมกล้อง, ระบบการต่อสู้ และการรวบรวมไอเทมเพื่อแก้ Puzzle สำหรับการผ่านไปยังเนื้อเรื่องต่อไป
ซึ่งถ้ามันไม่เหมือนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทีมงานเบื้องหลังของ Dino Crisis นั้น เป็นทีมเดียวกับผู้สร้าง Resident Evil รวมทั้งยังกำกับโดย Shinji Mikami โดยเปลี่ยนคอนเซ็ปต์จากซอมบี้เป็นไดโนเสาร์ และฉากหลังที่เป็นคฤหาสน์กลางป่าหรือเมือง มาเป็นป่าดงดิบและห้องวิจัยล้ำยุค และความบันเทิงมันก็อยู่ที่… ไดโนเสาร์ที่ปรากฏในเกมนั้น มีตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา ไปจนถึงตัวสูงเกือบเท่าตึก 3 ชั้น และที่น่าสงสัยคือ… ทำไมมันมีแต่พวกกินเนื้อเกือบทั้งเกมเลย?

สำหรับ Dino Crisis นั้น มีความแตกต่างจาก Resident Evil ตรงนี้ฉากหลังของเกมจะไม่ใช่ของที่ Render มาก่อนแล้ว แต่จะเป็นการแสดงผล 3 มิติ จากเอนจิ้นแบบ Real-time ในด้านเกมเพลย์นั้น Shinji Mikami ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า มันคือ “Panic Horror” ที่สร้างความกลัวและตกใจ ที่มาจากไดโนเสาร์ที่ว่องไว, ฉลาด และดุร้ายกว่าพวกซอมบี้ไปหลายขุม
Dino Crisis นั้น ถือว่าเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Resident Evil อย่างไม่ต้องสงสัย โดย Shinji Mikami และทีมของเขา อยากจะเน้นอะไรที่มีความสมจริงขึ้นมาอีก ซึ่งผลงานนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ The Lost World: Jurassic Park และ Aliens ที่เป็นต้นแบบของความกระตุกขวัญจากการไล่ล่าของสิ่งมีชีวิตที่ดุร้าย

การออกแบบตัวไดโนเสาร์นั้น ด้วยความที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเคลื่อนไหวยังไง เลยใช้สุนัขและจระเข้เป็นต้นแบบ และส่วนของ AI ก็ใช้พฤติกรรมของสิงโตและสิงโตเป็นฐาน ตามมาด้วยสัตว์กินเนื้อชนิดอื่นที่ไม่กลัวมนุษย์ แต่ด้วยข้อจำกัดขององค์ความรู้และเทคโนโลยี ทำให้ AI ของไดโนเสาร์ยังมีความซับซ้อนไม่โดนใจ Mikami สักเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องใช้ และฝากความหวังไว้กับการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีรายละเอียดสูงพอ แม้ตัวฮาร์ดแวร์ที่มีในขณะนั้นจะไม่อำนวยก็ตาม
| 2 ภาคแรกในตำนาน

เรื่องราวของ Dino Crisis ที่วางขายปี 1999 นั้น เริ่มต้นในปี 2009 หน่วย Secret Operation Raid Team (SORT) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบศูนย์วิจัยลับบนเกาะแห่งหนึ่ง และพบว่าทั้งหมดนี้เป็นโครงการอาวุธลับของ ดร. Edward Kirk ที่น่าจะตายไปตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ SORT ต้องส่งเจ้าหน้าที่อีก 4 คนเพื่อจับกุม โดยหนึ่งในนั้นคือ Regina ตัวละครเอกของเรื่อง และหลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาตก สมาชิกทั้ง 3 คนที่เหลือรอดก็ต้องทำภารกิจต่อ โดยไม่รู้ว่าอีกคนที่หายไป ถูก T-rex จับกินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในภาคแรกนี้ ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นล้าม ที่ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกับ Resident Evil แต่ก็ได้เสริมจุดแข็งของตัวเองให้ดีกว่าที่เคย และทำยอดขายสูงถึง 2.4 ล้านแผ่นทั่วโลก จนถูกยกให้เป็น Platinum Title ของ Capcom

ต่อมาในปี 2000 Capcom ได้เปิดตัว Dino Crisis 2 ที่เป็นเรื่องราวต่อจากภาคแรก ที่ฐานวิจัยพร้อมเกาะทั้งเกาะ ได้ถูกย้ายมายังอีกช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ Dylan Morton และหน่วย Tactical Reconnaissance and Acquisition Team (TRAT) ถูกส่งเข้าไปตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีข้ามเวลา เพื่อหาผู้รอดชีวิตและเก็บกู้ข้อมูลการทดลองบนเกาะนั้น โดยมี Regina จากเกมภาคแรกเป็นที่ปรึกษา ก่อนที่ TRAT ทุกคนถูกจะโจมตีจากไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ ต่อมา... เกมภาคนี้ก็ถูกพอร์ตลงให้กับเครื่อง PC ในปี 2002
สำหรับภาค 2 นี้ จะดูแลการผลิตโดย Hiroyuki Kobayashi ที่เป็นผู้วางแผนเกมในภาคแรก และกำกับโดย Shu Takumi ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของแฟรนไชส์ที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมตัวละครถึง 2 ตัว ทั้ง Regina และ Dylan ที่แต่ละคนจะมีอาวุธหลักและอาวุธเสริมแตกต่างกันออกไป พร้อมเสริมระบบการเล่นอีกลาย ๆ อย่าง ทั้งการซื้อไอเทมด้วยคะแนน และอาการบาดเจ็บอย่าง “Bleeding” ที่จะลดพลังชีวิตไปเรื่อย ๆ

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Dino Crisis จะมาพร้อมกับโหมดพิเศษหลังจบเนื้อเรื่องอย่าง Extra Crisis ซึ่งประกอบไปด้วย Dino Colosseum ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากฝูงไดโนเสาร์ให้นานที่สุด และ Dino Duel เป็นการนำไดโดเสาร์ 2 ตัวมาสู้กันแบบเกม Fighting
| ขาลงของแฟรนไชส์

เมื่อย่างเข้าปี 2002 Dino Crisis ก็ได้ย้ายบ้านจาก PlayStation มาอยู่บน PlayStation 2 ที่มีเป็นเครื่องคอนโซลยุคใหม่ล่าสุดในตอนนั้น พร้อมการเปลี่ยนแปลงแบบรอบตัว ทั้งการพัฒนาที่ย้ายจาก Studio 4 มาเป็น Studio 3 พร้อมเปลี่ยนทีมงานใหม่ยกชุด จะเหมือนเดิมก็แค่ Noboru Sugimura ที่เป็นผู้เขียนบทจากภาค 2 ลามไปจนถึงแนวเกม ซึ่งเกมภาคแรกบน PlayStation 2 นั้น ก็ถูกเปลี่ยนใหม่เป็น “Dino Stalker”
โดยในภาคนี้จะพลิกจาก Survival-Horror (หรือ Panic Horror ตามใจพรี่ Shinji) มาเป็นแนว Light Gun Shooter ถือว่าเป็นเกมลำดับที่ 3 ของซีรีส์ Gun Survivor ต่อจาก Resident Evil Survivor และ Resident Evil Survivor 2 - Code: Veronica ที่จะเป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งออกแบบมาให้เล่นกับ GunCon จอยรูปปืนของ Namco

เรื่องราวของ Dino Stalker จะเล่าถึง Mike Wired นักบินเครื่องบินรบในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1943 ซึ่งอยู่ ๆ ก็ถูกวาร์ปมาที่ไหนสักแห่งและถูกโจมตีจากไดโนเสาร์มีปีก ก่อนที่อยู่ ๆ ก็จะมีปืนและอุปกรณ์ประหลาด (ที่ไม่ใช่กำไล Ben10) ถูกวาร์ปมาให้เขาใช้เอาตัวรอด
เสียงตอบรับของ Dino Stalker นั้น ออกไปทางกลาง ๆ โดยเสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่จะขยี้ในเรื่องเกมเพลย์ที่ช้า, กราฟิกเหมือนเกมที่ล้าหลังเหมือนเกม PlayStation ที่ตัดสินใจย้ายมาขายบนเครื่อง PlayStation 2 ในวินาที่สุดท้าย, ประสบการณ์การเล่นบน GunCon 2 ที่ทำเอาปวดแขน, การควบคุมด้วย DualShock 2 ที่แย่เกินรับ และอีกหลาย ๆ อย่าง จนแฟนเกมไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเกมจากแฟรนไชส์เดียวกัน

คะแนนและคำวิจารณ์ของ Dino Stalker นั้นเพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในปี 2003 Capcom ได้ปล่อยเกม Dino Crisis 3 ออกมา โดยในภาคนี้ Hiroyuki Kobayashi กลับมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์อีกครั้ง พร้อมบทที่เขียนโดย Noboru Sugimura ซึ่งเดิมทีภาคนี้จะลงให้ทั้ง PlayStation 2 และ Xbox แต่สุดท้ายเกมฉบับ PlayStation 2 ก็ได้ถูกยกเลิกไปในช่วงต้นการพัฒนา
ถ้า Dino Stalker ว่าหลุดกรอบแล้ว Dino Crisis 3 ถือว่าหลุดออกไปนอกโลกเลย เพราะเนื้อเรื่องภาคนี้จะย้ายไปไกลถึงปี 2548 ที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมกู้ภัยพิเศษ ที่ต้องสำรวจยาน Ozymandias ที่ขาดการติดต่อไปถึง 300 ปี และได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาจาก DNA ของไดโนเสาร์

เกมเพลย์ในภาคนี้ ที่จะมีอาวุธให้ใช้แค่ 2 กระบอก แต่ละกระบอกจะมาพร้อมกับกระสุน 3 แบบ มาพร้อมอุปกรณ์ต่อต้านไดโนเสาร์และชุดเกาะ 3 ชนิด เช่นเดียวกับ Dino Stalker เสียงตอบรับที่ได้ออกไปทางผสมกัน แต่ดูทรงแล้วออกไปทางพังซะมากกว่า ทั้งในด้านมุมกล้องที่น่ากำหมัด, ศัตรูที่ถ้าไม่นับ Boss คือมีแค่ 3 ชนิดเท่านั้น และคุณภาพการพากย์เสียงที่เหมือนหนังเกรด B จนถูกเว็บไซต์ GameTrailers ยกให้เป็น “10 เกมภาคต่อที่ห่วยที่สุด” แม้มันจะเป็นเกมที่สนุกพอตัวถ้าเมินข้อเสียพวกที่เจอไป
และนั่น… ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่คอเกมได้เล่น Dino Crisis อันที่จริงมันยังมี Dino Crisis: Dungeon in Chaos ที่เป็น Java บนมือถือ แต่ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับมันน้อยมาก ๆ
| ทำไมไม่มีภาคต่อ หรือ Remake?

คำถามที่แฟน ๆ ถามถึงกันมากในช่วงหลัง ๆ นี้ ในขณะที่ Resident Evil ก็ผ่านช่วงขาลงมาตั้งหลายเกมก็ยังกลับมาผงาดได้ แต่ทำไม Dino Crisis ถึงไม่ได้กลับมาผงาดกับเขาบ้าง? จากแบบสำรวจของ Capcom ที่ส่งให้กับแฟน ๆ ก็มีอยู่ไม่น้อยที่อยากให้ Dino Crisis กลับมา
จากความเห็นบางส่วนจากแฟนเกมบนโลกออนไลน์ มองว่า CEO ของ Capcom เป็นคนที่หัวแข็ง ต้องการแต่เกมเน้นความปลอดภัยในทางการตลาด และดึงดูดผู้เล่นฝั่งตะวันตก ในขณะที่บางส่วนมองว่าในยุคนั้น Dino Crisis เป็นแค่ Resident Evil ที่มีไดโนเสาร์ และได้ประโยชน์จากความนิยมของภาพยนตร์ The Lost World: Jurassic Park เท่านั้น

แต่ถ้าลองพิจารณาจากคอนเซ็ปต์ของ Dino Crisis ที่มีไดโนเสาร์เป็นองค์ประกอบสำคัญ เราสามารถมองได้ว่าศักยภาพในการต่อยอดหรือขยายจักรวาลค่อนข้างต่ำ เพราะยังต้องวนอยู่กับ “ไดโนเสาร์” ที่นอกจากจะต้องทำการบ้านหนักมากในเรื่องบรรพชีวินวิทยาแล้ว ยังต้องอิงกับงานวิจัยที่มีการเปลี่ยนแปลงและหักล้างกันได้ตลอด เว้นแต่จะทำเนื้อเรื่องใหม่ให้ดี ๆ หรือหาองค์ประกอบอื่น ๆ มาเป็นเครื่องเคียง
ในขณะที่ Resident Evil ซึ่งมีความเป็น Fictional สูง สามารถขยายและเติบโตได้มากกว่า ภายใต้แนวคิด “การต่อสู้และเอาชีวิตรอดกับอาวุธชีวภาพ” เหมือนอย่างมิตรสหายท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ช่วง Resident Evil Village เปิดตัวใหม่ ๆ ว่า…
“คืองี้นะ ตราบใดที่ยังเป็นการต่อสู้กับอาวุธชีวภาพ มันก็ยังคงเป็น RE อยู่ เช่น...ผัวจอดรถแวะปั๊มเพื่อไปขี้ แต่ก่อนลงรถ ตดอัดเบาะทีนึงแล้วขังเมียไว้ในรถ ก็ถือว่าเป็น RE แล้ว”

และเมื่อได้เห็นท่าทีของ Capcom จากการเปิดตัว Exoprimal นั่นทำให้แฟน ๆ มองว่า Capcom พยายามที่จะเขี่ยมรดกของ Dino Crisis ทิ้ง แต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้ซะทีเดียว เพราะหลาย ๆ อย่างใน Exoprimal นั้น มีร่องรอยของการคารวะให้กับ Dinocrisis หลงเหลืออยู่ อย่างเรื่องประตูมิติเวลา และตัวละครหญิงผมแดงที่ดูคล้ายกับ Regina เป็นต้น
ถึงแม้จะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมไม่เอา Dino Crisis กลับมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ที่แฟน ๆ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนคือ Capcom ไม่สนใจจะเล่นกับแฟรนไชส์นี้แล้ว ซึ่งมองได้ทั้งในมุมของการสร้างสรรค์ และมูลค่าทางการตลาดที่หันไปเล่นกับแฟรนไชส์อื่นน่าจะคุ้มกว่า… ถึงยังไงก็ตาม “อย่างน้อยก็ดูมีความชัดเจนกว่า Half-Life 3” เป็นกอง
อ้างอิง
Why haven't the remade/rebooted Dino Crisis? - PlayStation 5 (gamespot.com)Why Is Capcom So Afraid Of Dino Crisis? (thegamer.com)