MKUltra โครงการล้างสมองของพญาอินทรี

โดย
Surasak Tulathiphakul Surasak Tulathiphakul
เขียนเมื่อ 1 min read
MKUltra โครงการล้างสมองของพญาอินทรี

เชื่อกันว่ามีหลายคนที่ได้ลองเข้าไปเล่นกันมาแล้ว กับ Outlast Trial เกมเอาตัวรอดแนวกระตุกขวัญจาก Red Barrel ที่มาพร้อมกับระบบ Co-op โดยมีฉากหลังเป็นการทดลองล้างสมองกับมนุษย์อย่างทารุณในยุคสงครามเย็น

ซึ่งโครงการล้างสมองในเกมนี้ เป็นการทดลองที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน แต่รู้หรือไม่ มีครั้งหนึ่งที่ประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างอเมริกา เคยลักลอบทำการทดลองที่แสนจะโหดร้ายพวกนี้มาแล้ว ก่อนจะถูกเปิดโปงสู่สาธารณะ ซึ่งรู้จักกันในชื่อของ MKUltra


โปรเจกต์ MKUltra เป็นโครงการทดลองในมนุษย์ของ “สำนักข่าวกรองส่วนกลาง” หรือ CIA ช่วงยุคสงครามเย็น เพื่อการพัฒนาขั้นตอนและหาตัวยา สำหรับการสอบปากคำและบั่นทอนจิตใจ ผ่านการล้างสมองและการทรมานทางจิต ซึ่งมีขั้นตอนการทดลองและตัวยาที่ใช้นั้น นอกจากจะไม่ได้รับความยินยอมจากอาสาสมัครแล้ว ยังเป็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านต่าง ๆ ด้วย

โครงการดังกล่าวเริ่มขึ้นในปี 1953 จากคำกล่าวของ “Stephen Kinzer” (สตีเฟน คินเซอร์) เป็นแผนงานที่ต่อยอดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการทดลองเพื่อควบคุมจิตใจมนุษย์โดยจักรวรรดิ์ญี่ปุ่นและนาซี

นอกจากนี้ “Allen Dulles” (อัลเลน ดัลเลส) ผู้อำนวยการของ CIA ได้ระบุด้วยว่า โครงการนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความกลัวต่อเทคนิคการบิดเบือนสมองของโซเวียต นั่นทำให้ CIA ต้องพัฒนาวิธีควบคุมจิตใจขึ้นมา เพื่อตอบโต้การใช้ยาควบคุมจิตใจในเชลยศึกฝ่ายสหรัฐ โดยโซเวียตและพันธมิตร เช่นจีนและเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ยังต่อยอดไปถึงการชักใยผู้นำของประเทศต่าง ๆ ด้วย มีนักวิจัยหลายรายทำงานให้โดยไม่ทราบแม้กระทั่งว่าทำงานให้กับใครอยู่

ในโครงการ MKUltra นั้น ได้มีการวิจัยและทดลองการควบคุมจิตใจด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งวิธีทางเคมี, ชีววิทยา และรังสีวิทยา โดยเฉพาะการใช้ยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาทในอาสาสมัครโดยไม่บอกล่วงหน้า จำลองสิ่งที่แพทย์นาซีได้ทำในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์และดัคเคา พร้อมทั้งคัดเลือกมือทรมานของนาซี มาเพื่อสานต่อการทดลองในตัวอย่างนับพันราย

เริ่มจากยารีดความจริงสำหรับการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยสายลับโซเวียต และศึกษาความเป็นไปได้อื่น ๆ ในการควบคุมจิตใจ ในขณะเดียวกันก็มีอีกหลาย ๆ โครงการที่ดำเนินงานต่อเนื่องมาจาก MKUltra เพื่อทดลองในด้านที่เกี่ยวข้อง เช่น MKSEARCH และโครงการย่อยอย่าง MKOFTEN และ MKCHICKWIT

ช่วงแรก ๆ นั้น CIA จะเน้นไปที่การใช้ LSD-25 ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหลอนประสาทอย่างรุนแรง และยึดเป็นหัวข้อหลักในโปรแกรมต่าง ๆ ของ MKUltra จากสมมุติฐานว่า CIA สามารถทำให้สายลับโซเวียตแปรพักตร์ได้หรือไม่ แล้วโซเวียตจะสามารถทำแบบเดียวกับคนของ CIA ได้รึเปล่า จากเอกสารการจัดซื้อที่ถูกเปิดเผยออกมา พบว่า CIA สั่งซื้อ LSD จากสวิตเซอร์แลนด์มากถึง 100 ล้านโดสเลยทีเดียว

ส่วนตัวอย่างทดลองนั้น แน่นอนว่าต้องใช้คนที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ เช่นผู้ป่วยทางจิต, นักโทษ, ผู้ติดยา และโสเภณี นอกจากนี้ยังมีกรณีที่หันไปทดลองกับทหาร, เจ้าหน้าที่ CIA ด้วยกัน และประชาชนทั่วไป เพื่อดูปฏิกิริยาของตัวอย่าง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เพื่อการดึงคำสารภาพ และล้างสมองให้พวกเขาเป็นเหมือนหุ่นยนต์สายลับ ไม่ใช่แค่ LSD เท่านั้น ตัวยาจำพวกเมสคะลิน, โคเคน และอื่น ๆ อีกมากมาย ถูกนำมาใช้ในการทดลองด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ โครงการ MKUltra ได้มีศึกษาการสะกดจิตมาตั้งแต่ช่วงปี 1950 เพื่อทดลอง “สร้างความวิตกกังวลที่กระตุ้นด้วยการสะกดจิต” และ “กระตุ้นการเรียนรู้จดจำในระดับที่ซับซ้อน” ไปจนถึงการลบความจำหรือทำให้สมองเสื่อมด้วยการใช้ยา

ในส่วนที่กล่าวมาและไม่ได้ยกมาด้วยซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีการขอความยินยอมจากอาสาสมัครใด ๆ ซึ่งเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติของนูเรมเบิร์กที่สหรัฐฯ ตกลงที่จะปฏิบัติตามหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แถมยังมีผู้เสียชีวิตระหว่างรับการทดลองอีกด้วย

จนกระทั่งในปี 1973 สังคมสหรัฐฯ ก็เกิดความตื่นตระหนกเป็นวงกว้าง จากคดี Watergate ที่เป็นเรื่องอื้อฉาวในการโจรกรรม ที่ Richard Nixon ประธานาธิบดีในสมัยนั้นมีส่วนรู้เห็นด้วย ทำให้ “Richard Helms” ผบ. ของ CIA สั่งทำลายเอกสารของโครงการ MKUltra ทั้งหมด แต่ก็มีข้อมูลที่รอดจากการทำลายมาได้ถึง 20,000 ฉบับ และถูกค้นเจอในปี 1977 ทำให้การทดลองผิดกฎหมายและจริยธรรมของ CIA ถูกเปิดเผย และมีการก่อตั้งคณะกรรมาธิการ Rockefeller เพื่อสอบสวนกิจกรรมที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะ CIA, FBI และหน่วยงานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับข่าวกรองของกองทัพ

จากการเปิดโปงครั้งนี้ นำไปสู่คำสั่งในการห้ามการทดลองด้วยยาในมนุษย์โดยไม่ได้รับการยินยอม หรือไม่มีพยานภายนอกรับรู้ และบังคับใช้กับงานฝ่ายข่าวกรองโดยเฉพาะ

นอกจากใน Outlast Trial ที่พูดถึงโครงการทดลองล้างสมองแล้ว ยังมีอีกหลายเกมที่นำโครงการทดลองไร้จริยธรรมมาเป็นโครงเรื่องอีกด้วย อย่างใน Outlast ภาคแรก ที่ Murkoff Corporation นำผู้ป่วยทางจิตมาทำการทดลองการแยกวิญญาณ หรือ Outlast 2 ที่ชาวบ้านถูกควบคุมด้วยเสาสัญญาณวิทยุ ที่ Murkoff Corporation นำมาติดตั้งไว้เพื่อทำการทดลอง หรือจะเป็น Call of Duty: Black Ops ตัวละครหลักอย่าง Mason ก็เป็นตัวหนึ่งอย่างทดลองการล้างสมองของ CIA

ในโลกของภาพยนตร์และซีรีส์นั้น ก็จะมี American Ultra ว่าด้วยหนุ่มขี้ยาที่เป็นตัวอย่างทดลองในโครงการสายลับเหนือมนุษย์ของ CIA หรือแม้แต่ในซีรีส์ The Stranger Things ของ Netflix ก็มีการพูดถึงการทดลองยากับเด็ก ๆ ในโครงการ MKUltra ด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า เพื่ออำนาจและชัยชนะแล้ว มันก็พร้อมจะมีคนทิ้งความเป็นมนุษย์ และทำกับมนุษย์ด้วยกันเหมือนปศุสัตว์ อย่างที่ CIA ได้ทำกับตัวอย่างทดลองในโครงการนี้

แหล่งที่มา

https://www.inverse.com/article/18521-stranger-things-inspired-by-mk-ultra-the-manchurian-candidate-x-files
https://outlast.fandom.com/wiki/Radio_Towers
https://www.cs.mcgill.ca/~rwest/wikispeedia/wpcd/wp/p/Project_MKULTRA.htm
https://www.nytimes.com/packages/pdf/national/13inmate_ProjectMKULTRA.pdf
https://www.npr.org/2019/09/09/758989641/the-cias-secret-quest-for-mind-control-torture-lsd-and-a-poisoner-in-chief

More from us

นักเขียน, Gamer และตากล้อง ชอบดื่มเบียร์ IPA และ Whisky... เคยหายไปเขียนเรื่องเหล้ามาหลายปี ในที่สุดก็ได้กลับเข้าวงการสักที..!!!!
รักหมารักแมวรักการเล่นเกม!